ก้าวแรกสู่เกาหลีที่ด่าน ต.ม.

เว็บบล็อกนี้สร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ในการถ่ายทอดเรื่องราว ประสบการณ์การท่องเที่ยวประเทศเกาหลี ประเทศที่หลายต่อหลายคนนิยมชมชอบทั้งเรื่องของแฟชั่นเสื้อผ้า หน้าผม เครื่องสำอาง อาหารที่รสเผ็ดไม่แพ้อาหารไทย หรือบางคนอาจเป็นแฟนเคป๊อบและซีรีย์เกาหลี ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม บล็อกนี้จะช่วยให้ข้อมูลอีกด้านสำหรับท่านที่สนใจอยากจะไปเยี่ยนเยือนประเทศเกาหลีสักครั้งในอนาคต

เริ่มต้นจากอินชอน

ว่าด้วยเรื่องของสนามบิน เราไม่ต้องพูดถึงตอนออกจากเมืองไทยให้เสียเวลาเพราะการออกนอกประเทศไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด ขอให้มีบอร์ดดิ้งพาส กรอกใบต.ม. เรียบร้อย ถูกต้อง และไม่มีประวัติอาชญากรรมใดๆ ก็สามารถผ่านประตูเครื่องบิน ลัดฟ้าโดยง่ายดาย แต่เมื่อมาถึงสนามบินนานาชาติอินชอนงานเริ่มเข้าล่ะสิคะ เพราะเมื่อเราก้าวเท้าออกจากประตูเครื่องบินงานเดินทนก็เริ่มขึ้น มาเกาหลีท่านต้องมีสุขภาพกายที่แข็งแรงและสุขภาพใจที่มุ่งมั่น (โดยเฉพาะกับการเดินและมองหาของที่ต้องการช็อป) เมื่อผ่านทางเดินก็ให้ตามผู้คนทั้งหลายไปเลยไม่ต้องกลัวหลงเพราะจุดมุ่งหมายของพวกเราทุกคนคือการไปสู่ต.ม. ด่านที่ว่ากันว่าโหดและหินสำหรับผู้ถือพาสปอร์ตไทย งานไปหาต.ม.ต้องลงบันไดเลื่อนไปนั่งรถไฟฟ้าเพื่อนำเราสู่ตึกทำการสนามบิน ด่านต.ม. จะอยู่ชั้น 2 ส่วนกระเป๋าเราจะลงไปรับที่ชั้น 1 เมื่อเข้าสู่เขตต.ม. เราต้องยืนเข้าแถวให้เป็นระเบียบ จะมี 2 ส่วนคือ ช่องสำหรับพาสปอร์ตเกาหลี และ ต่างชาติ เราต้องไปส่วนของ FOREIGNER ดูป้ายให้ดีนะคะ เมื่อเลื่อนไปแถวก็จะค่อยๆ หดลง จากนั้นเจ้าหน้าที่จะช่วยแยกเราไปยืนตามช่องที่ว่างอยู่ แต่ละช่องยืนทีละ 2 คน คือในด่านต.ม. จะมีหลายช่องแล้วแต่ช่องไหนว่างเราก็ไปยืน ไม่มีโอกาสจะมาเลือกช่องโอปป้าหน้าหล่อใสกันหรอกนะจ๊ะ เมื่อเจ้าหน้าที่พยักหน้าให้เราเข้าไป ก็แค่แสดงเอกสารแสดงตนว่าเราคือใครนั่นก็คือพาสปอร์ต เจ้่าหน้าที่จะเช็คข้อมูลเดิมที่มีประวัติเช่น เคยเดินทางเข้าออกประเทศเกาหลีมาก่อนหรือไม่ มีประวัติการหลบเข้าประเทศหรือพำนักนานกว่าที่กำหนดหรือ Over Stay หรือไม่ ฯลฯ เจ้าหน้าที่บางคนอาจมีคำถาม ซึ่งเป็นคำถามทั่วไป เช่น คุณจะพักอยู่เป็นเวลากี่วัน คุณมีแผนการเดินทางอย่างไรบ้าง หรือคุณจะพักที่ไหน ประมาณนี้ เราก็แสดงความบริสุทธิ์ใจโดยการตอบคำถามด้วยน้ำเสียงปกติ อย่าตื่นเต้น อย่าหลบตาหรือแสดงอาการมีพิรุธ จากประสบการณ์เจ้าของบล็อกไปมา 2 ครั้งไม่เคยโดนถามสักครั้ง แต่ก็มีทริคง่ายๆ คือเตรียมเอกสารทุกอย่างให้พร้อมใส่ซองแล้วถือไว้ในมือ ถือให้เจ้าหน้าที่เห็นว่าเราพร้อมจะแสดงความบริสุทธิ์ใจ เอกสารที่ควรมีได้แก่ 1. จดหมายรับรองการทำงานหรือเอกสารการเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือการเป็นนักเรียน นักศึกษา 2. อีเมล์หรือเอกสารยืนยันการจองห้องพักที่ระบุวันที่เข้าพัก 3. ตั๋วเครื่องบินเที่ยวกลับ 4. แผนการท่องเที่ยวอย่างคร่าว ว่าเราจะไปที่ไหนในแต่ละวัน อันนี้เจ้าของบล็อกเขียนละเอียดมากโดยเฉพาะวิธีเดินทาง นั่งรถไฟใต้ดินสายไหน อะไร ยังไง คือถ้าถามมาตอบได้ทุกอย่างเพราะวางแผนการท่องเที่ยวด้วยตนเอง

กลับเข้ามาเรื่องต.ม. พอเจ้าหน้าที่เช็คข้อมูลในคอมพิวเตอร์ อาจมีการเงยหน้ามองเราว่าหน้าตรงกับพาสปอร์ตหรือไม่ ใครทำศัลยกรรมก็เตรียมตอบคำถามให้ดีนะคะ จากนั้นจะมีคำสั่งบนหน้าจอที่อยู่ตรงหน้าเราเป็นภาษาไทยให้เราทำการสแกนนิ้วชี้ทั้งสองข้าง ก็แค่สอดนิ้วชี้เข้าไปวาง และหันไปมองกล้องเพื่อสแกนหน้าตามปกติ ไม่ต้องยิ้มให้ทำหน้ามองกล้องปกตินะคะ การแต่งกายควรแต่งให้เหมาะสมตามฤดูกาลที่เราจะไป อย่าแต่งหน้าจัด หรือแต่งตัวเซ็กซี่เกินเหตุเพราะนั่นอาจทำให้คุณดูเข้าข่ายลักษณะการหลบหนีเข้าไปทำงานอย่างว่า ที่ต.ม.มีป้ายติดชัดเจนว่าห้ามถ่ายรูปนะคะ

แต่จะห้ามยังไงพี่ไทยก็แอบถ่ายมาจนได้ละนะ

เมื่อเจ้าหน้าที่ประทับตราลงบนพาสปอร์ต ตามปกติจะอนุญาตให้พำนักอยู่ได้ถึง 90 วัน เราก็เดินออกช่องเพื่อลงบันไดเลื่อนไปรับกระเป๋าที่ชั้นล่าง กระเป๋ามาเร็วมากขอบอก ที่เกาหลีทุกอย่างสะดวกรวดเร็วไม่เสียอารมณ์ค่ะ ดูป้ายไฟตัวอักษรวิ่งจะบอกว่าไฟลท์ที่เรามาต้องรับกระเป๋าที่ช่องไหน 

เมื่อเสร็จจากตรงนี้ก็เตรียมตัวตะลุยกรุงโซลกันเลย