การเดินทางก็แสนจะง่ายดาย (อีกตามเคย) นั่งรถไฟใต้ดิน สาย 3 สีส้ม ลงสถานีอันกุก (Anguk) ทางออกที่ 2 เมื่อออกจากสถานีจะเจอถนนใหญ่ เดินตามทางมาประมาณ 300 เมตร จริงๆ แล้วจะเจอศูนย์นักท่องเที่ยวเราสามารถขอแผนที่และเดินตามแผนที่ไปรอบหมู่บ้าน ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3ชั่วโมงครึ่ง แต่เนื่องจากเจ้าของบล็อกเป็นผู้ที่ไม่สันทัดในเรื่องเส้นทางจึงขอเดินทางตามใจฉัน ประหนึ่งว่าไปเสี่ยงดวงเอาดาบหน้าแต่ก็รอดมาทุกทีนะ
ถนนหนทางร่มรื่นแม้ว่าแดดจะร้อนพอสมควร
วิธีการรดน้ำต้นไม้ เราน่าจะลองนำมาทดลองทำบ้าง ปล่อยให้น้ำค่อยๆ ไหลซึมลงดินทีละนิด ต้นไม้ได้น้ำชุ่มฉ่ำทั้งวัน
ด้านซ้ายมือเจอตึกอิฐสีแดงแบบนี้ ตัวหนังสือสีแดงตัวโตตรงกระจกนั่นอ่านว่า "ย็อก" หมายถึงร้านขายยา
และด้านขวาเห็นบ้านมุงหลังคาทรงนี้หมายความว่าคุณได้มาถึงหมู่บ้านบุคชอนเรียบร้อยแล้ว
ลุยได้เลย
เดินไปเรื่อยๆ อยากเข้าซอกไหน ซอยไหนก็เลี้ยวไปเลยค่ะ
เดินไปจะเห็นนักท่องเที่ยวหยุดถ่ายรูปตลอดทาง
เนื่องจากหมู่บ้านนี้ยังมีผู้คนอาศัยอยู่ เราจึงต้องเคารพสถานที่และสิทธิส่วนบุคคล ไม่ทำเสียงดังนะคะ
บ้านบางหลังจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์
เจอชาวเกาหลีใจดีถ่ายรูปให้ค่ะ มาตามหาบ้านซังโกแจในหนังเรื่อง Personal Taste ไม่แน่ใจว่าซอยนี้หรือเปล่านะ
ในหมู่บ้านจะมีที่ให้เช่าชุดฮันบกสวมใส่ถ่ายรูปด้วยค่ะ
บานประตูยังคงเอกลักษณ์เกาหลีโบราณ
เจอร้านขายของที่ระลึก
ศิลปินไอดอลที่ชื่นชอบรอคุณอยู่
ปฏิทิน โปสเตอร์มีเพียบ
บ้านเกาหลีจะอยู่บนเนินใครจะมาต้องเช็คสภาพความฟิตกันหน่อย โดยเฉพาะหัวเข่า เพราะมันสูงมากก
ไปตอนที่เขาปิดแล้วจึงได้แค่ถ่ายรูปด้านนอก
ประตูบ้านแอบทันสมัย เห็นประตูลักษณะนี้นึกถึงวัดโบราณในจังหวัดเชียงใหม่มีลักษณะแบบนี้เหมือนกัน
ความเก่าแทรกตัวอยู่กับตึกยุคปัจจุบัน
ร้านกาแฟ
ร้านขายงานศิลปะแนวอาร์ตๆ
ช่างเครื่องเงิน
ดอกไม้หน้าร้อน
วัดพุทธในหมู่บ้าน
ป้ายเขียนว่า Buddhist Temple Baek Sang Jeong Sa
พระพุทธรูปแบบมหายาน
เบาะสำหรับนั่งสวดมนต์
พระที่นี่สวมจีวรสีเทา
ตู้รับบริจาคเงิน
สภาพภายในวัดสะอาดสะอ้านและเรียบง่าย
หมู่บ้านบุคชอนเป็นหมู่บ้านของลูกหลานขุนนางสืบเชื้อสายผู้ดีเก่า ปัจจุบันยังคงมีผู้คนอาศัยอยู่ หากนักท่องเที่ยวโชคดีอาจได้เจอเจ้าของบ้านออกมาต้อนรับและเชิญชวนให้เข้าไปเยี่ยมชมภายในบ้าน มาเที่ยวบุคชอนครั้งที่ 2 นี้ เจ้าของบล็อกและเพื่อนโชคดีที่มีโอกาสได้รับเชิญจากเจ้าของบ้านหลังหนึ่งให้เข้าไปเยี่ยมชมภายในตัวบ้าน บ้านของคุณลุงสะอาด เรียบร้อย เป็นระเบียบ แถมยังมีมุมพักผ่อนเล็กๆ น่ารัก เจ้าของบ้านใจดีอนุญาตให้พวกเราถ่ายรูปได้ จึงขอนำภาพความน่ารักของบ้านหลังนี้มาแบ่งปันค่ะ
คุณลุงน่าจะอยู่ในวัยเกษียณแล้ว ใจดีมาก ท่านบอกว่าเคยมาเมืองไทย 3 ครั้งมาติดต่อเรื่องธุรกิจ คุณลุงรู้จักจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและรู้ว่าเป็นเมืองหลวงเก่าของไทยเราด้วย คนเกาหลีวัยขนาดนี้และพูดภาษาอังกฤษได้การศึกษาย่อมไม่ธรรมดา
สวนน้อยน่ารัก คุณลุงบอกว่านี่เป็น Candle Lamp เอาเทียนวางข้างในได้
ห้องดื่มน้ำชา คุณลุงบอกว่าสาวเกาหลีรุ่นใหม่ชงชากันไม่เป็นแล้ว แต่ท่านบอกว่าภรรยาของท่านเป็น "expert" ทางด้านการชงชา Wow!!
หน้าร้อนคนเกาหลีจะนิยมปลูกพืชผักไม้เลี้อยไว้รับประทาน เท่าที่เห็นก็มี พริกชี้ฟ้าและมะเขือเทศ แต่ที่บ้านคุณลุงปลูกองุ่นเขียว
มุมรับแขกด้านนอก ใช้เป็นที่พักผ่อนรับอากาศบริสุทธิ์ได้ดีทีเดียว
No comments:
Post a Comment