Deoksugung สวย สงบ สยบความเคลื่อนไหว ภาค 1

ความมุ่งหมายในการมาเที่ยวเกาหลีครั้งที่ 2 นี้คืออยากเดินชมบ้านชมเมือง เดินเลียบเลาะดูถนนหนทาง นึกได้ว่าเคยอ่านคนที่รีวิวในพันทิพบอกเล่าเรื่องราวกำแพงหินข้างพระราชวังท็อกซู ศึกษาเส้นทางแล้วมันช่างง่ายดายอะไรเช่นนี้ แค่นั่งรถไฟใต้ดิน สาย 1 สีน้ำเงิน หรือสาย 2 สีเขียว ลงสถานี City Hall จึงตัดสินใจในวันที่ท่องเที่ยวคนเดียว (คุณแม่เลี้ยงคิมกลับไทยไปแล้ว) ว่าต้องไปสัมผัสบรรยากาศแบบนั้นดูบ้าง เนื่องจากที่พักอยู่มยองดง การเดินทางต้องมีหลายขยักหน่อย เริ่มต้นโดยนั่งรถไฟใต้ดิน สาย 4 สีฟ้า สถานี Myeongdong ผ่าน Hoehyeon และมาลงที่ Seoul Station เปลี่ยนสายเป็นสาย 1 สีน้ำเงินแค่สถานีเดียวมาลงที่สถานี City Hall เดินทางเพียงแค่ 3 สถานี ใช้เวลาประมาณ 13 นาที (ไม่รวมเวลารอรถไฟ)

ออกจากสถานี City Hall ทางออก 2 ก็เดินเลียบเลาะออกมา เดินมาเรื่อยๆ จะเจอกำแพงหินที่หนุ่มสาวเกาหลีเชื่อกันว่า หากคู่รักมาเดินด้วยกันจะร้างลากัน มิน่าเดินผ่านเราไปไม่มีคู่หนุ่มสาวเลย เจอแต่คุณลุง คุณป้า และคุณพี่ ที่เดินมาคนเดียวทั้งนั้น คนเกาหลีก็มีความเชื่อประมาณนี้พอๆ กับพี่ไทยเหมือนกัน

พระราชวังท็อกซู มีความหมายว่า พระราชวังแห่งอายุยืนยาวและความมั่นคง ความสวยงามไม่ต้องพูดถึง งดงามไม่แพ้พระราชวังอีก 4 แห่ง แต่ขนาดของวังที่ไม่ใหญ่โตเกินไป บวกกับความสงบร่มรื่นและความสดชื่นของต้นไม้รอบพระราชวังทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมไม่ขาดสาย เปรียบเป็นสตรีก็มีความงดงามชวนหลงใหล นุ่มนวล และอ่อนหวาน

เห็นกำแพงหินแล้ว 

รอบพระราชวังเต็มไปด้วยอาคารสูงเนื่องจากเป็นย่านธุรกิจใจกลางเมือง 

เดินเข้าไปใกล้ๆ จะได้ยินเสียงจิ้งหรีดแมลงส่งเสียงดังระงม 

 เดินผ่านไปมาไม่เห็นคู่รักสักคู่เลย

 ร่มรื่นด้วยต้นแปะก้วย หรือต้นกิงโกะ ที่นี่ปลูกเรียงรายรอบถนนเพื่อช่วยดูดมลพิษ ทำให้อากาศบริสุทธิ์

ช่วงเวลาที่สวยที่สุดในการมาเยือนถนนเส้นนี้ คือช่วงฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสวยงาม ว่ากันว่าเป็นถนนสายโรแมนติคของกรุงโซลกันเลยทีเดียว

ข้างกำแพงจะมีแผ่นไม้แกะสลักวางเรียงตลอดแนว 

มีคุณลุงตั้งโต๊ะรับแกะสลักไม้ตามสั่งด้วย 

เดินตรงมาจนสุดมุมกำแพงจะเห็นกลองใบนี้ 

 ลวดลายมังกรจิตรกรรมเกาหลี

เกาหลีนี่ช่างสรรหาทำอะไรให้ดูน่ารัก กุ๊กกิ๊ก ในซีรี่ย์ย้อนยุดก็มักจะทำเป็นแนวการ์ตูนแทรกเข้ามาเวลาจบตอน 

 ด้านหน้าประตูใหญ่แดฮันมุน Daehanmun Gate มีทหารยืนอยู่เราสามารถเข้าไปถ่ายรูปได้เหมือนวังอื่นๆ

คนไม่เยอะ ไม่ต้องเบียดใคร ถ่ายรูปแบบสบายๆ 

ป้ายประกาศบอกราคา และวันหยุดทำการ การท่องเที่ยวของที่นี่มีนโยบายสนับสนุนให้ประชาชนออกมาท่องเที่ยว โดยเฉพาะสถานที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม จะเห็นได้ว่าค่าเข้าชมถูกมาก ผู้ใหญ่เพียง 1,000 วอน เด็ก 500 วอน มาเป็นหมู่คณะราคาลดลงไปอีก และผู้ที่สามารถเข้าชมฟรีได้แก่ เด็กอายุต่ำกว่า 7 ขวบ, ผู้อาวุโสอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป, วัน Culture Day คือวันพุธสุดท้ายของเดือน และผู้ที่สวมใส่ชุดฮันบกซึ่งเป็นชุดประจำชาติ

ได้ตั๋วมาแล้วในราคา 1,000 วอน  30 บาทไทยโดยประมาณ ราคาเดียวกันทั้งชาวเกาหลีและนักท่องเที่ยวต่างชาติ  อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมสแกน QR code เข้าไปอ่านได้อีก

พระราชวังท็อกซูสร้างขึ้นในสมัยโชซอน ภายในพระราชวังประกอบไปด้วยท้องพระโรงและตำหนักใหญ่น้อยรวมกัน 12 แห่ง ความงดงามสถาปัตยกรรมที่นี่ไม่ด้อยไปกว่าพระราชวังแห่งอื่นเลย 

เดินเข้ามาฟินมาก อารมณ์ซีรี่ย์ย้อนยุคมาเต็ม

ร่มรื่นมาก ต้นไม้ใหญ่เต็มตลอดแนว

 Palace in my Hand แนะนำข้อมูลพระราชวังผ่านแอพลิเคชั่น ส่งข้อมูลตรงถึงมือคุณ

ภายในมีการตั้งโต๊ะจำลองการเรียนหนังสือในสมัยก่อน เสียดายไม่ได้เข้าไปถ่ายรูปในนั้น 

 ผ่านประตูเข้ามาสู่พระราชวังด้านใน

ที่เห็นอยู่ฝั่งตรงข้ามคือท้องพระโรง 

ศิลปะการแกะสลักบนแท่งหิน ลวดลายเลือนหายไปตามกาลเวลา ก็พระราชวังถูกสร้างมา 500 กว่าปีแล้วนี่นา 

ผู้พิทักษ์พระราชา 

 ทางเดินไปยังท้องพระโรง

 ตำหนักรายรอบ

 ป้ายบอกว่าเป็นท้องพระโรง

 สีเหลืองทองอันโดดเด่นแสดงถึงเขตพระราชฐานของพระราชา

 ลายไม้ฉลุฝีมืองานช่างไม้เกาหลี

 ลวดลายด้านบนหลังคา

 ข้อความบอกว่า Junghwajeon คือท้องพระโรงของพระราชวังท็อกซู และถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีต่างๆ เช่น พิธีบรมราชาภิเษก และเป็นที่รับรองราชฑูตจากต่างแดน

 เหมือนในซีรีย์ที่พระราชานั่งอยู่ด้านบนและเหล่าเสนาอำมาตย์ยืนอยู่ด้านข้าง (ฟินได้อีก)

ศิลปกรรมด้านในขอบอกว่างดงามมาก ชะโงกดู และถ่ายรูปมาได้เท่านี้เอง

สัญลักษณ์รูปมังกรทองอยู่บนเพดาน

 ตำหนักต่างๆ รายล้อมท้องพระโรง

มีถ้งดับเพลิงเตรียมพร้อมไว้ทุกจุด

บันไดด้านข้าง

เนื่องจากรูปภาพเยอะมาก ขอแบ่งการท่องเที่ยวพระราชวังท็อกซูออกเป็น 2 ตอน ติดตามตอนต่อไปในภาคที่ 2 นะคะ